ณ หมู่บ้านในชนบทจีนตอนใต้ ชายแก่ผู้อาวุโสคนหนึ่ง มีอาชีพฝึกม้า และเลี้ยงม้าขาย
วันหนึ่ง ม้าดียอดเยี่ยมของเขาได้หายเข้าป่าไป เพื่อนบ้านที่เคารพนับถือ
ต่างพากันมาแสดงความเสี ยใจต่อชายแก่คนนั้น
แต่ชายแก่กลับหัวเราะร่าเริง แล้วบอกชาวบ้านว่า “ไม่เป็นไรๆ มันอาจจะเป็นโชคดีของเราก็ได้”
อีกไม่กี่วันต่อมา มีม้าป่าฝูงใหญ่วิ่งตามม้าตัวที่หายไป มาเข้าคอกของชายแก่
ชาวบ้านทราบข่าวต่างก็มาแสดงความยินดีไม่ข าด สาย
แต่คราวนี้ชายแก่กลับเ คร่ งข รึ ม แล้วบอกว่า “มันอาจจะเป็นโชคร้ ายของเราก็ได้”
ชายแก่ได้สอนวิธีฝึกม้าป่าให้เชื่อง แก่ลูกชายคนเดียวของตน ปรากฏว่าวันหนึ่งม้าป่าตัวที่ดุร้ ายที่สุด
ได้สลัดลูกชายตกจากหลังม้า และกระทืบซ้ำ จนลูกชายกลายเป็นคนขาพิก าร
ครั้นเมื่อชาวบ้านทราบข่ าวก็มาแสดงความเสี ยใจ
แต่ชายแก่กลับหัวเราะ แล้วบอกชาวบ้านทั้งหลายว่า “มันอาจจะเป็นโชคดีของเราก็ได้”
ต่อมาญี่ปุ่นยกกำลั งทห ารบุกจี น เป็นสงคร ามใหญ่ บรรดาคนหนุ่มในหมู่บ้านต่างๆ
ของจีน จึงถูกเกณฑ์ไปเป็นทห าร หมด รวมถึงหนุ่มๆ ในหมู่บ้านของชายแก่นี้ด้วย
ยกเว้นลูกชายขาพิการของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ถูกเกณฑ์ไป
ต่อมาไม่นาน มีรายงานข่ าวเข้ามาในหมู่บ้านว่า ลูกชายของชาวบ้าน ถูกทห ารญี่ปุ่น สั ง ห า ร หมด
ชาวบ้านต่างพากันเสี ย อกเสี ยใจ หากใครได้พบชายแก่ ก็มักจะพูดคุยว่า
ท่านช่างมีบุญแท้ๆ แม้มีลูกขาพิก าร แต่เขาก็ยังได้ใช้ชีวิตต่อไป ไม่เหมือนลูกๆ
ของพวกเรา ตอนนี้พวกเราไม่มีลูกชายไว้สืบสกุลเลยสักคน
ชายแก่จึงมักกล่าวตอบชาวบ้านทั้งหลายว่า “ย ามโชคดี อย่าลืมตัว ย ามโชคร้ าย อย่าสิ้นหวัง”
ถึงคำตอบจะสั้น แต่ก็เรียบง่าย และเป็นจริงทุกคำ เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้น ต่างก็มีความหวังในการชีวิตต่อไป
อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าชีวิตมันแ ย่ มันอาจจะเป็นแค่..
จุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้เรา ไปเจอชีวิตใหม่ ที่ดีกว่า..
ขอบคุณ : C r e a t e R e a d i n g t h