Home ข้อคิด 5 นิสัย “เก็บเงินเก่ง” ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก

5 นิสัย “เก็บเงินเก่ง” ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก

10 second read
ปิดความเห็น บน 5 นิสัย “เก็บเงินเก่ง” ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก
0

1.ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้

การตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้จะทำให้เรารู้ว่าต้องออมเท่าไหร่และนานแค่ไหน จึงจะไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการ

อย่าลืมว่าจำนวนเงินที่คุณขาด นั่นคือเอาเป้าหมายลบกับที่มีอยู่ในวันนี้ ต้องไม่เกินกว่ากำลังวังชาของคุณที่จะเก็บออม

หรือ ล ง ทุ น เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น

2.กระจายเงินออมไปอยู่ในสินทรัพย์ที่เหมาะกับเป้าหมาย

ในเมื่อตัดสินใจจะพัฒนาทักษะการออมของตัวเองแล้ว การเก็บเงินไว้ธนาคารอาจง่ายต่อการถอนมาใช้

ดังนั้นจึงควรกระจายเงินออมของเราไปยังที่ที่เหมาะกับเป้าหมายเช่นถ้าเป็นการออม ร ะ ย ะ ย า ว เพื่อเป้าหมายเกษียณ

อีกนานกว่าจะใช้เงิน ก็ควรหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากสินทรัพย์ที่เสี่ย งมากขึ้นและล งทุนใน ร ะ ย ะ ยา วเป็นต้น

ซึ่งนี่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายเงินออมได้มากขึ้นด้วย

3.ทำงบการเงินส่วนบุคคล และวางแผนการใช้จ่าย

เพราะเมื่อเราวางแผนการใช้เงิน ก็จะทำให้ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปได้ทำให้เรามีเงินเก็บสำหรับเป้าหมายในอนาคต

มีเงินสำรอง ฉุ ก เ ฉิ น หรือแม้แต่ลำดับความสำคัญของการออมเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการทำงบการเงินส่วนบุคคลก็ไม่ยาก แค่แยกรายรับ ว่ามีอะไรบ้าง เงินเดือนโบนัส รายได้เสริม รวมกันให้หมด

เสร็จแล้วก็มาดูฝั่งรายจ่ายว่ามีอะไรบ้างในแต่วัน-แต่ละเดือน ทั้งค่า อ า ห า ร เสื้อผ้า บ้าน รถ การศึกษา หรือค่าใช้จ่าย

เบ็ดเตล็ดส่วนตัว พอประมาณทั้ง 2 ฝั่งได้แล้วก็ลองเอามาบวกลบกันดู ถ้าต้องใช้มากกว่าที่หามาได้ จะได้สามารถ

ลดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นไป

4.ใส่ใจกับ Lifestyle Inflation ของตัวเอง

คนส่วนใหญ่มักจ่ายมากขึ้นเมื่อรายได้ของเขาสูงขึ้น คนบางคนตอนมีรายได้30,000 บาทอาจใช้แค่ 15,000 บาท

(หรือ 50%) แล้วเหลือเก็บอีก 15,000 บาทแต่พอรายได้เพิ่มเป็น 50,000 บาท อาจใช้ถึง 35,000 บาท โดยคิดว่าเหลือ

เก็บเท่าเดิมคือ 15,000 บาท แต่จริงๆ แล้ว กลับคิดเป็นสัดส่วนของค่าใช้จ่ายถึง 70% เหลือเก็บแค่ 30% เท่านั้น

ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากกว่ารายได้ที่เพิ่มเรียกว่าเป็น Lifestyle Inflation นั่นเอง ดังนั้นต้องตัดสินใจและคำนวณให้ดีว่าเมื่อ

รายได้เราสูงขึ้นจะใช้มากขึ้นแค่ไหน หรือเก็บมากขึ้นอย่างไร เพื่อจะได้วางแผนการออมในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

5.เข้าใจความต่างระหว่าง “จำเป็น” กับ “ต้องการ”

“จำเป็น” คือ ต้องใช้เพื่อการดำรงชีวิต เช่น อ า ห า ร เสื้อผ้า ห ยู บ ย า การเดินทางแต่ถ้าแค่ “ต้องการ”

แล้วล่ะก็เป็นแค่สิ่งที่เราอยากได้…แต่ไม่ได้สำคัญมากมายกับการดำรงชีวิต ซึ่งเราต้องแยกให้ออกเพื่อจะได้บริหารจัดการ

ค่าใช้จ่ายและเงินออมของตนเองได้

 

ขอบคุณ : w e a l t h m e u p

Load More Related Articles
Load More By Admin
Load More In ข้อคิด
Comments are closed.

Check Also

คนไม่มีลูก เเก่..มา เเล้วใครจะเลี้ยงดูคุณ ใครที่คิดแบบนี้ลองอ่านแล้วจะเข้าใจ (สอนใจได้ดี)

แนวคิดที่ว่า… มีลูกเพื่อหวังจะให้มาเลี้ยงดูในย ามแก่นั้ … …